เบื้องหลังความเทพ : เปิดเหตุผล 'โนวัค' คว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน 9 สมัย

Author Photo
SN Illustration


เมื่อพูดถึงรายการเทนนิสแกรนด์สแลมเปิดหัวปี คงไม่มีใครนึกถึงทัวร์นาเมนต์อื่นนอกจาก ออสเตรเลียน โอเพ่น และเมื่อพูดถึงเทนนิสรายการนี้ เราย่อมต้องพูดถึง โนวัค ยอโควิช ด้วยเช่นกัน 

เนื่องจากนักเทนนิสชาวเซอร์เบียรายนี้ครองแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น มาถึง 9 สมัย แน่นอนว่าเขาต้องมีเคล็ดลับอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาไม่เพียงไร้พ่ายในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้ 

แต่ยังทำให้ผลงานของยอโควิชที่ออสเตรเลียโดดเด่นเกินหน้า ยูเอส โอเพ่น อีกหนึ่งรายการแกรนด์สแลมที่เป็นพื้นฮาร์ดคอร์ดเช่นกันด้วย

ดาวเด่นแห่งออสเตรเลียน โอเพ่น

โนวัค ยอโควิช ถือเป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบัน นี่คือเรื่องที่ทุกคนทราบดีกันอยู่แล้ว โดยหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าเขาประสบความสำเร็จสูงสุดบนเวทีกีฬาเทนนิส คือการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์แกรนด์สแลมครบ 4 รายการ ได้แก่ ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และยูเอส โอเพ่น

เมื่อแจกแจงความสำเร็จทั้งหมดของยอโควิชเป็นรายละเอียด นักเทนนิสชาวเซอร์เบียรายนี้จะคว้าแชมป์รายการออสเตรเลียน โอเพ่น 9 สมัย, เฟรนช์ โอเพ่น 2 สมัย, วิมเบิลดัน 7 สมัย และยูเอส โอเพ่น 3 สมัย รวมแล้วยอโควิชคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์แกรนด์สแลม 21 สมัย ถือเป็นจำนวนที่น้อยกว่าราฟาเอล นาดาล เพียงสมัยเดียว และมากกว่าโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เสียอีก

ความสำเร็จตรงนี้ย่อมไม่ทำให้ใครสงสัยถึงคุณภาพของยอโควิชในฐานะนักเทนนิสระดับแถวหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนกีฬาติดใจเสมอ เมื่อพูดผลงานการคว้าแชมป์รายการแกรนด์สแลมของยอโควิช 

คือความจริงที่เขากวาดรางวัลแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น มากถึง 9 สมัย แต่ขณะเดียวกันเจ้าตัวกลับคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น เพียง 3 สมัย ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับความสำเร็จในรายการคอร์ทดิน อย่าง เฟรนช์ โอเพ่น

Novak Djokovic Australian Open 2008 100123
Getty Images

ปรากฎการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกเทนนิส เพราะเฟเดอเรอร์ก็คว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น เพียงสมัยเดียว ขณะที่เจ้าของตำแหน่งราชาแห่งคอร์ทดินอย่างนาดาลก็กวาดแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น 14 สมัย เพื่อไปเป็นรองในรายการอื่นอย่างชัดเจน 

แต่ถึงอย่างนั้น ทั้ง เฟเดอเรอร์ และนาดาล ต่างมีผลงานที่ค่อนข้างคาดเดาได้ตามลักษณะพื้นคอร์ท กล่าวคือ เฟเดอเรอร์ที่ถนัดสนามฮาร์ดคอร์ทจะมีความสำเร็จในรายการออสเตรเลียน โอเพ่น และยูเอส โอเพ่น ใกล้เคียงกัน คือคว้าแชมป์ 6 และ 5 สมัยตามลำดับ 

ส่วน นาดาล ที่ไม่เชี่ยวชาญการเล่นบนพื้นสนามแบบนี้จะมีผลงานในออสเตรเลียน โอเพ่น และยูเอส โอเพ่น เป็นการคว้าแชมป์ 2 และ 4 สมัยตามลำดับ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ตามความถนัดของนักเทนนิสทั้งสอง

แต่กับยอโควิชที่เป็นราชาแห่งออสเตรเลียน โอเพ่น เขากลับคว้าแชมป์ในรายการยูเอส โอเพ่น ได้เพียง 3 สมัย ทั้งที่สองรายการต่างใช้ฮาร์ดคอร์ทเหมือนกัน 

นี่คือปรากฎการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายแบบกรณีของเฟเดอเรอร์ และนาดาล เนื่องจากทั้งสองต่างไม่มีใครที่มีผลงานผันผวนเมื่อเทียบความสำเร็จจากออสเตรเลียน โอเพ่น กับยูเอส โอเพ่น

เสิร์ฟถนัด ซัดแชมป์รัว

เหตุผลแรกที่ทำให้โนวัค ยอโควิช มีผลงานเหนือชั้นในออสเตรเลียน โอเพ่น แต่กลับไม่โดดเด่นนักในยูเอส โอเพ่น คือเรื่องของพื้นคอร์ท ซึ่งคราวนี้เราจะไม่พูดถึงเพียงชนิดของคอร์ทแบบคร่าว ๆ เท่านั้น แต่จะพูดถึงรายละเอียดในการสร้างพื้นฮาร์ดคอร์ทของศึกแกรนด์สแลมทั้งสองรายการที่ทำให้ผลงานของยอโควิชแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

สำหรับ ออสเตรเลียน โอเพ่น พวกเขาสร้างคอร์ทที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักเทนนิส ที่มีทักษะการเคลื่อนที่คล่องแคล่วว่องไว และถนัดในการเล่นเกมเสิร์ฟเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้เป็นหลัก เนื่องจากพื้นสนามของรายการนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ลุกเทนนิสมีความเร็วในการกระดอนค่อนข้างรวดเร็ว โดยจะเป็นรองแค่รายการวิมเบิลดันที่แข่งขันบนคอร์ทหญ้า

Getty

อย่างไรก็ตาม มีการเก็บสถิติโดยเว็บไซต์ Tennis Abstract ผลปรากฎว่า รายการเทนนิสแกรนด์สแลมที่สนามมีค่าเรตติ้งเสิร์ฟเอซสูงสุด (คือสนามที่ผู้เล่นเสิร์ฟเอซได้บ่อยที่สุด) คือ ออสเตรเลียน โอเพ่น 

โดยตลอดปี 2014-2019 รายการนี้ครองตำแหน่งสนามที่เหมาะสมกับการเสิร์ฟเอซเหนือวิมเบิลดัน และสำคัญที่สุดคือ ค่าเรตติ้งเสิร์ฟเอซของรายการออสเตรเลียน โอเพ่น มีจำนวนสูงกว่ายูเอส โอเพ่น แบบเทียบไม่ติด

ยิ่งบวกกับการเก็บสถิติในเรื่องของการทำแต้มเมื่อเป็นฝ่ายเสิร์ฟ ยอโควิชสามารถทำแต้มเมื่อเขาเป็นฝ่ายเสิร์ฟในรายการออสเตรเลียน โอเพ่น ได้มากกว่ายูเอส โอเพ่น ตลอดปี 2008-2020 โดยมีเพียงปี 2012 ครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาทำผลงานตรงนี้ในยูเอส โอเพ่น ได้ดีกว่า ซึ่งนั่นเกิดขึ้นเพราะเขาทำผลงานที่ออสเตรเลียได้แย่ลง ไม่ใช่ทำผลงานในยูเอส โอเพ่น ดีขึ้นแต่อย่างใด

เพียงเท่านี้คงเห็นชัดแล้วว่า ยอโควิช ถือเป็นนักเทนนิสที่สามารถฉวยโอกาสได้ดีกว่า เมื่อเขาเป็นฝ่ายเสิร์ฟเพื่อโจมตีคู่แข่ง นั่นจึงทำให้ ออสเตรเลียน โอเพ่น กลายเป็นทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ที่เขาถนัดมากที่สุด เพราะไม่มีรายการไหนที่เขาจะสามารถทำแต้มผ่านเกมเสิร์ฟอันยอดเยี่ยมได้ดีเท่ารายการนี้อีกแล้ว

ความมั่นใจคือสิ่งสำคัญ

มีอีกหนึ่งข้อสังเกตอันน่าสนใจเกี่ยวกับผลงานอันยอดเยี่ยมของยอโควิช บนเวทีออสเตรเลียน โอเพ่น นั่นคือตัวเขาไม่เคยแพ้ในการแข่งนัดชิงชนะเลิศของศึกแกรนด์สแลมรายการนี้เลย กล่าวคือ ยอโควิชเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศออสเตรเลียน โอเพ่น 9 ครั้ง และเอาชนะได้ทั้งหมด

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความจริงที่น่าประหลาดใจสำหรับนักเทนนิสผู้เป็นราชาแห่งออสเตรเลียน โอเพ่น แต่ความจริงที่น่าตกใจกลับอยู่ในเวทียูเอส โอเพ่น เพราะความจริงแล้ว ยอโควิช เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูเอส โอเพ่น มากถึง 9 ครั้งเช่นเดียวกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขากลับคว้าชัยชนะได้เพียง 3 ครั้ง และพ่ายแพ้ไปถึง 6 รอบ

เมื่อพิจารณาความจริงที่ยอโควิชสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของออสเตรเลียน โอเพ่น และยูเอส โอเพ่น ด้วยจำนวนครั้งที่เท่ากัน นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของเขา เมื่อแข่งขันบนรายการแกรนด์สแลมฮาร์ดคอร์ทไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ของสองรายการสวนทางกัน คือเกมนัดชิงชนะเลิศที่ไม่ว่าอย่างไร เขาจะล้มเหลวในยูเอส โอเพ่น อยู่เสมอ

สิ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยอโควิชเบื้องหลังการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น จึงอาจไม่มีอะไรมากกว่า “นี่คือสนามที่เป็นบ้านของเขา” เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นักเทนนิสซึ่งคว้าแชมป์ติดต่อกันสามสมัยซ้อนในปี 2011-2013 จะลงสนามอย่างมั่นใจในแทบทุกเกมด้วยแนวความคิดที่ว่า เขาคือสุดยอดในรายการนี้

Getty

นี่ยังไม่รวมความจริงที่นักเทนนิสฝีมือเยี่ยมหลายรายมักจะยังไม่งัดฟอร์มเก่งออกมาในออสเตรเลียน โอเพ่น เนื่องจากถือเป็นแกรนด์สแลมเปิดหัวของฤดูกาล ปัจจัยทางจิตวิทยาจึงส่งผลสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขณะที่นักเทนนิสหลายคนกำลังอยุ่ในช่วงเร่งฟอร์ม ยอโควิชกลับเดินทางสู่ออสเตรเลียน โอเพ่น ด้วยความคิดที่ว่า หากเขาก้าวสู่รอบชิงชนะเลิศได้ เขาคือแชมป์

ความมั่นใจในระดับนี้ย่อมทำให้ยอโควิชคว้าแชมป์ 9 สมัยที่ออสเตรเลียได้สบาย แต่เมื่อเขาเดินทางไปแข่งขันยังรายการยูเอส โอเพ่น ที่ถือเป็นแกรนด์สแลมสุดท้าย และนักเทนนสิทั้งหลายต้องใส่กันสุดตัว ยอโควิชเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่สามารถคว้าชัยชนะอย่างที่ผู้คนคุ้นชิน ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิดของเขาแม้แต่น้อย

ความล้มเหลวที่มากเกินไปของยอโควิชในยูเอส โอเพ่น ส่งผลให้แฟนกีฬาหลายคนไม่เคยเทียบเขาในระดับเดียวกับ ราฟาเอล นาดาล หรือโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เพราะทุกคนย่อมรู้กันดีว่า รายการแกรนด์สแลมที่จริงจังที่สุดคือ วิมเบิลดัน และยูเอส โอเพ่น ซึ่งผลงานที่ล้มเหลวของยอโควิชในรายการหลัง ส่งผลให้สถานะของเขาไม่ดีนักในสายตาของใครบางคน

อย่างไรก็ดี เราต้องไม่ลืมว่ายอโควิชคว้าชัยชนะวิมเบิลดันมากถึง 7 ครั้ง และถึงเขาจะผลงานไม่ดีนักในยูเอส โอเพ่น นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่เขาเป็นราชาแห่งออสเตรเลียน โอเพ่น เหมือนกับที่นาดาลเป็นเจ้าแห่งเฟรนช์ โอเพ่น และเฟเดอเรอร์ ซึ่งทำผลงานได้น่ามหัศจรรย์เสมอเมื่อก้าวสู่วิมเบิลดัน

ความสำเร็จของยอโควิชบนเวทีออสเตรเลียน โอเพ่น จึงไม่เคยมีอะไรมากกว่าการเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาถือเป็นหนึ่งในสุดยอดนักเทนนิสของโลกยุคปัจจุบัน และอาจจะก้าวไปได้ไกลกว่านั้น หากเขายังคงเดินหน้าล่าแชมป์แกรนด์สแลมต่อไป เริ่มต้นด้วยรายการออสเตรเลียน โอเพ่น 2023 ที่กำลังจะถึงนี้

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

ผู้แต่ง
Nuttanon Chankwang  Photo

บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand