NBA

พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน : ตามหาขุนพล ชิคาโก้ บูลส์ 1998 ยุคเสื้อบาสครองเมือง

Author Photo

ไม่มีทีมบาสเกตบอลทีมไหนจะถูกจดจำได้เด่นชัดเท่ากับ ชิคาโก้ บูลส์ ชุดปี 1998 อีกแล้ว ด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ ความยอดเยี่ยมของไมเคิล จอร์แดน, ลีลามือรองที่โหดไม่แพ้ใครอย่าง สก็อตตี้ พิพเพ่น ไหนจะการเล่นเกมรับด้วยสไตล์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครอย่าง เดนนิส ร็อดแมน 

จากฤดูกาลที่ถูกตั้งชื่อว่า "The Last Dance" จนถึงตอนนี้ เหล่าขุนพลบูลส์ผู้ทำให้ทั่วบ้านทั่วเมืองใส่เสื้อแข่งของพวกเขาเดินกันให้ว่อนเต็มท้องถนน อยู่ไหน ทำอะไรอยู่บ้าง ? ติดตามได้เลย

ไมเคิล จอร์แดน

เริ่มต้นด้วย "GOAT" ตัวจริงของวงการบาสเกตบอล NBA อย่าง ไมเคิล จอร์แดน ในฤดูกาล 1997-98 ถือเป็นการส่งท้ายที่สุดจะมหัศจรรย์ของเขา จอร์แดน ทำคะแนนเฉลี่ย 28.7 แต้ม 5.8 รีบาวน์ และ 3.5 แอสซิสต์ใน 38.8 นาทีจากการลงสนามครบ 82 เกมในฤดูกาลปกติ 

ทุกลีลา ท่าทาง และความดุเด็ดเผ็ดมันของจอร์แดนในปี 1998 ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตลอดกาลของ NBA และแน่นอนว่าด้วยฟอร์มระดับ "เทพเจ้า" (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง) เขาคือ MVP ประจำฤดูกาลนั้นอย่างไร้ข้อโต้แย้ง 

หลังจากจบตำนาน The Last Dance ที่บูลส์ ประกาศเลิกเล่นเป็นครั้งที่ 2 ถัดจากปี 1993 ที่เลิกเล่นหลัง เจมส์ จอร์แดน ซีเนียร์ คุณพ่อถูกฆาตกรรมเสียชีวิต แต่จอร์แดนก็ทนกลิ่นสาบความมันไม่ไหว กลับมาเล่นใน NBA อีกครั้งในปี 2001 กับ วอชิงตัน วิซาร์ดส เป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะประกาศวางมือเลิกเล่น NBA อย่างเป็นทางการและถาวร

อย่างไรก็ตามคนที่อยู่กับบาสเกตบอลมาทั้งชีวิตอย่าง MJ ไม่มีทางสลัดสิ่งที่เขารักออก จอร์แดน จัดการซื้อทีม NBA อย่าง ชาร์ล็อตต์ บ็อบแคทส์ ต่อจาก บ็อบ จอห์นสัน เจ้าของเดิม โดยการใช้เงินกว่า 275 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2010 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อทีมกลับมาเป็นชื่อเดิมอย่าง ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ หลังแฟรนไชส์ดั้งเดิมที่ย้ายเมืองไปยัง นิวออร์ลีนส์ เปลี่ยนชื่อเป็น นิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์

ทว่าคนบางคนก็อาจจะเหมาะกับแค่บางสิ่งเท่านั้น เพราะ ไมเคิล จอร์แดน และทีมของเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายนัก จนกระทั่งในปี 2019 จอร์แดน ได้ขายหุ้นทีมบางส่วนให้กับ เกบ พลอตกิน และ แดเนียล ซุนด์ไฮม์ โดยที่เขายังรักษาหุ้นส่วนใหญ่เอาไว้และดำรงตำแหน่งประธานอยู่ 

ปัจจุบันในปี 2022 จอร์แดนอายุ 59 ปี แล้ว แม้ว่าทีมของเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จไปไกลถึงแชมป์เหมือนตอนที่เขาเป็นผู้เล่น แต่ดูเหมือน MJ จะดวงรุ่งพุ่งแรงแบบสุด ๆ ว่ากันว่าเขาสร้างความมั่งคั่งจากการทำธุรกิจและการลงทุนในหลาย ๆ ทั้งแอปพลิเคชั่นเดิมพันกีฬาอย่าง DraftKings, เจ้าของร่วมทีมรถแข่ง NASCAR ที่ชื่อ 23XI Racing และแน่นอนที่สุดคือการฟันค่าลิขสิทธิ์จาก Nike สำหรับรองเท้า และผลิตภัณฑ์กีฬาอย่าง Air Jordan นอกจากนี้ยังมีกิจการร้านสเต็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย

สรุปแล้วคือ จอร์แดนในวัยเกษียณถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินมากถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าตอนที่เขาเป็นผู้เล่นของบูลส์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า (ตอนเป็นผู้เล่นทำเงินได้ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

สก็อตตี้ พิพเพ่น

หากเปรียบ จอร์แดน คืออัจฉริยะที่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ สก็อตตี้ พิพเพ่น ก็คือหนึ่งในลูกคู่ผู้ผลักดันให้กลายเป็นหนึ่งในการผสานงานทั้งในและนอกสนามอย่างไม่ต้องสงสัย 

พิพเพ่นเคยหลุดประโยคสนทนาที่บอกถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อบูลส์ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะเขามักจะถูกถามว่า "ถ้าไม่มี ไมเคิล จอร์แดน คุณคิดว่าคุณจะสามารถได้แชมป์ NBA ถึง 6 สมัยหรือเปล่า?" และคำตอบที่มักจะออกจากปากเขาหลังจากนั้นคือ...

"ถ้าจอร์แดนไม่มีผม เขาก็ไม่สามารถได้แชมป์ NBA 6 สมัยเหมือนกันนั่นแหละ" อาจฟังดูยียวน แต่พิพเพ่นตอบแบบจบ ๆ ไร้ซึ่งข้อสงสัยสำหรับผู้ถามอย่างสิ้นเชิง 

พิพเพ่นออกจากบูลส์หลังคว้าแชมป์ในปี 1998 ย้ายไปเล่นให้กับ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์, พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ก่อนจะกลับมาเล่นให้บูลส์ช่วงสั้น ๆ ในปี 2003-04 แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก 

ช่วงเวลาหลังจากนั้น สก็อตตี้เคยไปเล่นบาสอาชีพในประเทศฟินแลนด์กับทีม Torpan Pojat และที่สวีเดนกับ Sundsvall Dragons โดย ณ เวลานั้นคือปี 2008 และเขามีอายุถึง 43 ปีแล้ว 

หลังจากวางมืออย่างเป็นทางการ เจ้าตัวก็ตบเท้าเข้าสู่ Hall of Fame เหมือนคู่หู โดยเขายังรับหน้าที่เป็นทูตของทีม บูลส์ ก่อนจะย้ายออกมาทำงานด้านสื่อเต็มตัวที่รายการ The Jump ในฐานะนักวิเคราะห์เกมของช่อง ESPN 

เดนนิส ร็อดแมน

ชายผู้ที่เข้ามาสร้างความฉูดฉาดให้กับ ชิคาโก้ บูลส์ อย่าง เดนนิส ร็อดแมน เปรียบเสมือนกับผงชูรสประจำทีม ตัวของเขานั้นเป็นนักบาสที่เล่นเกมรับได้ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง แต่ปัญหาคือเป็นคนมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมบ่อยครั้ง และแน่นอนว่าเขาไม่สนโลก ไม่ว่าใครจะมองเขาอย่างไรแต่เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ และไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขาจะเปลี่ยนแปลง 

"ผมมันพวกหาโอกาสให้ตัวเอง คำแนะนำของผมคืออะไรรู้ไหม ? ถ้าไม่ชอบก็ชั่งหัวพวกมึงสิ ! คนทั่วโลกทำงานงก ๆ เพื่ออยากจะหลุดเป็นอิสระทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนพวกนั้นอยากเป็นแบบผมทั้งนั้นแหละ พวกเขาคงคิดในใจไอ้หมอนี่แตกต่างกับคนอื่นดี 'เฮ้ ! ดูไอ้หมอนั่นสิ ทำไมชีวิตมันช่างเอนเตอร์เทนขนาดนี้ อะไรประมาณนั้น ... นั่นล่ะผมเอง" ร็อดแมน กล่าวถึงอาชีพของเขา

ความไม่ยอมใครทำให้ร็อดแมนไม่ค่อยถูกกับ 2 คู่ซี้พี่ใหญ่ในทีมอย่างพิพเพ่นและจอร์แดนมากนัก ทว่านั่นก็แค่เรื่องนอกสนามเท่านั้น เพราะเมื่อลงสนาม ทั้ง 3 คนถูกเรียกว่า "เมจิค ทรีโอ" ... ร็อดแมน เก็บกวาดทำงานสกปรกเล่นเกมรับอย่างแข็งขัน ปะทะและกวนประสาทกับฝั่งตรงข้าม ส่วนหน้าที่ในการเล่นเกมบุกปล่อยให้ 2 เทพได้โชว์ลีลาจนหนำใจ 

ร็อดแมนออกจากบูลส์หลังปี 1998 ก่อนจะลงเล่นให้กับกับ แอลเอ เลเกอร์ส และ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ และรีไทร์จาก NBA ในปี 2000 ช่วงเวลาหลังจากนั้นต้องเรียนตามตรงว่าไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติที่แน่ชัดของเขา แต่สิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือ ร็อดแมน ยังคงเป็นคนเดิมที่ไปสุดในเวย์ของตัวเอง เขาเป็นเพื่อนซี้กับ คิม จอง อึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ และยังปรากฎตัวบนหน้าสื่อในข่าวดังทั้งแง่ลบและบวกอยู่บ่อยครั้ง 

ปัจจบัน ร็อดแมน อายุ 61 ปีแล้ว และเขายังคงเป็นไอ้หนุ่มจอมเฟี้ยวเหมือนเคย ล่าสุดคือการเสนอตัวเข้าไปช่วยเคลียร์ปัญหาเรื่อง บริทนี่ย์ ไกรเนอร์ ที่ถูกจองจำในทัณฑสถานหญิงในกรุงมอสโกหลังจากโดนคดีพกกัญชาเข้าประเทศรัสเซีย ... ทว่าความพยายามของเขาก็ดูเหมือนจะโดนมองข้ามเมื่อ นิค ไพรซ์ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ "ความพยายามของ เดนนิส ร็อดแมน จะทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ซับซ้อนมากขึ้น และ อาจจะวุ่นวายมากกว่าเดิม" ... จะว่าก็ว่าเถอะ เราคิดว่า นิค ไพรซ์ อาจจะพูดและตัดสินใจถูกก็ได้ที่ห้ามร็อดแมนไม่ให้รับหน้าที่ทูตสัมพันธไมตรีกับภารกิจอันใหญ่หลวงนี้ 

โทนี่ คูโคช

หากเปรียบ ชิคาโก้ บูลส์ เป็นเหมือนกับทีม โชโฮคุ ในเรื่อง Slam Dunk โทนี่ คูโคช ก็เปรียบเสมือน โคงุเระ คิมิโนบุ หรือ "นายแว่น" หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเขาตัวสำรองที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดในทีม  

ขณะที่ "เมจิก ทรีโอ" ออกจากทีมในปี 1998 พร้อม ๆ กัน คูโคชยังคงเล่นให้ บูลส์ ต่อไปถึงปี 2000 ก่อนจะโดนเทรดไปอยู่กับ ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส, แอตแลนต้า ฮอว์กส์ และ มิลวอกี้ บัคส์ ตามลำดับก่อนจะประกาศวางมือในปี 2006 ด้วยเหตุผลว่าเขาอิ่มตัวแล้วกับอาชีพนักบาสเกตบอล ไม่อยากออกไปไหนให้ไกลบ้านของเขาอีกแล้ว และบ้านของเขาอยู่ที่ ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ 

คูโคชปรากฎตัวตามรายการเกี่ยวกับ NBA เป็นเนือง ๆ หลังจากนั้น แม้จะไม่ได้มากมายอะไรแต่ผู้คนก็ยังพูดถึงเขาในฐานะ "ชายคนที่ 6" เสมอ โดยปัจจุบันเขายังรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ เจอร์รี่ ไรน์สดอร์ฟ เจ้าของทีม ชิคาโก้ บูลส์ คนปัจจุบันอีกด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเกิดที่โครเอเชีย แต่ตัวและหัวใจของคูโคช ได้ตกเป็นของ ชิคาโก้ บูลส์ โดยสมบูรณ์แบบ

รอน ฮาร์เปอร์

รอน ฮาร์เปอร์ เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในปี 1998 โดยเขาลงเล่นให้ทีมในฤดูกาลปกติครบ 82 เกม และทำคะแนนเฉลี่ยได้ถึง 9.3 แต้มต่อเกม ไม่เลวเลยสำหรับผู้เล่นที่เล่นเกมรับเป็นหลักอย่างเขา

ฮาร์เปอร์ ออกจาก บูลส์ ในปี 1999 และย้ายไปเล่นให้กับ แอลเอ เลเกอร์ส ในฐานะ "ทหารคู่ใจ" ของ ฟิล แจ็คสัน โค้ชของทีมบูลส์ที่ออกไปคุมเลเกอร์สเช่นกัน ก่อนที่ทั้งสองจะคว้าแชมป์ NBA กันอีกครั้งที่ เลเกอร์ส ในปี 2000 และ 2001 ซึ่งในตอนนั้น แชค โอนีลล์ และ โคบี ไบรอันท์ ผู้ล่วงลับเป็นสตาร์ประจำทีม 

ฮาร์เปอร์ ประกาศวางมือหลังจากนั้นไม่นาน และในปี 2005 เขารับงานเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์โค้ชของ ดีทรอยต์ พิสตันส์ โดยหลังจากหมดสัญญากับ พิสตันส์ ฮาร์เปอร์ ก็ให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ และนั่นมีส่วนให้ลูกชายของเขาอย่าง รอน ฮาร์เปอร์ จูเนียร์ ได้เชื้อพ่อมาไม่น้อย โดยได้เป็นสมาชิกของ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส ในปี 2022 นี้ด้วย 

หลังจากส่งลูกชายถึงฝั่ง รอน ฮาร์เปอร์ ใช้เวลาที่เหลืออุทิศตนกับงานการกุศล โดยปัจจุบันในวัย 61 ปี ฮาร์เปอร์ เป็นหนึ่งในหัวเรือใหญ่ของ National Stuttering Association องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดคนพูดติดอ่างในสหรัฐอเมริกา 

สตีฟ เคอร์

อาจจะไม่ได้โดดเด่นโด่งดังมากนักหากเทียบกับขุนพล บูลส์ ชุดปี 1998 คนอื่น ๆ แต่ก็เป็นมือยิง 3 แต้มตัวฉกาจ อย่างไรก็ตาม ตัวเขาอธิบายว่าในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สุดยอดที่สุดในอาชีพนักบาสของเขาเลยก็ว่าได้ 

ไม่ใช่ว่าเขาสามารถจบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ แต่มันคือการได้ทำงานร่วมกับจอร์แดน และนั่นทำให้เขายกระดับการเล่น ทัศนคติ และมุมมองของตัวเองไปตลอดกาล 

"การแข่งขันในการซ้อมนั้นเข้มข้นขึ้นมากๆ การซ้อมหลังจากจอร์แดนเข้ามาต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างมากที่สุด ทุกอย่างจริงจังและก้าวหน้าขึ้นมากทั้งในสนามแข่งและสนามซ้อม มันเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน" เคอร์ที่เคยเหยาะแหยะจนโดนจอร์แดนชกหน้ามาแล้วกล่าว

เคอร์ออกจากบูลส์ในปี 1998 ย้ายไปเล่นให้กับอีกหลายทีมทั้ง ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส และ พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ก่อนที่เขาจะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะยอดโค้ชเมื่อเขาได้เข้ามาเป็นโค้ชของทีม โกลเด้นสเตท วอริเออร์ส ในยุค "สะพานทองผยองเดช" โดย เคอร์ สามารถพาทีม วอริเออร์ส เป็นแชมป์ NBA ได้ถึง 4 สมัย (2015 2017 2018 และ 2022) พร้อมคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมในปี 2016 อีกด้วย 

แน่นอนว่าความสำเร็จของเคอร์ในฐานะโค้ชยังคงดำเนินต่อไป และตอนนี้เขาถูกยกย่องให้กลายเป็นโค้ช NBA ที่ดีที่สุดตลอดกาล 15 อันดับแรก ร่วมกับ ฟิล แจ็คสัน อดีตเจ้านายที่สอนเขาในฐานะ "มิสเตอร์จืดจาง" จนได้เห็นและได้พบสิ่งต่าง ๆ มากมาย ที่กลั่นให้เขาได้เดินตามรอยจนถึงทุกวันนี้ 

ลุค ลองลี่ย์

ลุค ลองลี่ย์ เป็นเซ็นเตอร์ร่างยักษ์เจ้าของความสูง 218 เซนติเมตร ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ในปี 1998 โดยมีการจดบันทึกว่าเขาทำแต้มเฉลี่ยในฤดูกาลนั้นได้ถึง 11.4 แต้ม รวมถึงการ รีบาวด์ เฉลี่ยต่อเกมถึง 6 ครั้งในซีซั่นนั้น 

นอกจากผลงานของลองลี่ย์แล้ว เรื่องของทัศนคติ ความทุ่มเท และการเป็นส่วนสำคัญในห้องแต่งตัว ยังคงเป็นสิ่งที่ ไมเคิล จอร์แดน ยกย่องเสมอ โดยจอร์แดนเคยพูดถึงลองลี่ย์ว่า

"เราแบ่งปันช่วงเวลาด้วยกันมากมาย เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าวันนี้คุณสั่งให้ผมกลับไปนับหนึ่งใหม่ที่จุดเริ่มต้น ลองลี่ย์ก็ยังเป็นหนึ่งในคนโปรดของผมอยู่ดี ผมไม่มีทางทิ้งเขาแน่นอน เขาคือคนสำคัญ และมีอิทธิพลอย่างมาก ... เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ผมเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม"

ลองลี่ย์ ออกจาก บูลส์ ในปี 1998 เล่นให้กับอีก 2 ทีมอย่าง ฟีนิกซ์ ซันส์ และ นิวยอร์ก นิกส์ โดยปัจจุบัน ลองลีย์ ในวัย 53 ปี เป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอลในลีกประเทศออสเตรเลียบ้านเกิดของเขาอย่าง เพิร์ธ ไวลด์แคทส์ พร้อมทั้งควบด้วยตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชทีมชาติออสเตรเลียอีกด้วย 

ฟิล แจ็คสัน

"ก็อดฟาเธอร์" ผู้รวม ชิคาโก บูลส์ ให้เป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล คือผู้พัฒนาเกมรุกแบบสามเหลี่ยมของ เท็กซ์ วินเทอร์ อันเลื่องชื่อให้สุดยอด และเป็นคนที่ตั้งโปรเจ็กต์ประจำซีซั่น 1998 ว่า "Last Dance" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อซีรี่ส์ชื่อดังของ Netflix 

ในเวลานั้น ฟิลถูกบอร์ดบริหารแจ้งก่อนฤดูกาลเริ่มว่าหลังจบซีซั่น ทีมจะไม่ต่อสัญญาเขา และผู้เล่นตัวเก๋าในทีมอีกหลายคน ซึ่งนั่นหมายความว่า NBA ฤดูกาล 1997-98 คือสังเวียนสุดท้ายที่เขาและลูกทีมบูลส์จะได้โลดแล่นด้วยกัน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อโปรเจ็กต์ Last Dance ดังที่กล่าวไป 

หลังจากจบปี 1998 ฟิล แจ็คสัน ไปรับงานโค้ชที่ แอลเอ เลเกอร์ส ก่อนจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการคว้าแชมป์เพิ่มอีก 5 สมัยที่ เลเกอร์ส ทำให้เขากลายเป็นโค้ชที่คว้าแชมป์ NBA ได้มากถึง 11 สมัยด้วยกัน 

ฟิล แจ็คสัน วางมือในปี 2011 แม้จะอยากทำต่อ แต่ฟิลให้สัมภาษณ์ว่าร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนเก่าแล้ว และการทำงานโค้ชโดยร่างกายไม่ดีนั้น เขาไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาได้ผลงานที่ดีที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารีไทร์ 

ปัจจุบัน ฟิล แจ็คสัน ยังคงเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาให้กับ เลเกอร์ส ในหลาย ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะการแนะนำโค้ชคนใหม่ให้กับทีมหรือแม้กระทั่งการเทรดผู้เล่นในแต่ละปีด้วย 

สก็อตต์ เบอร์เรลล์

เบอร์เรลล์ เล่นให้กับบูลส์เพียงปีเดียว แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นการย้ายมาแบบถูกที่ถูกเวลาสุด ๆ เพราะเขากลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมชุดนี้ไปโดนปริยาย 

เบอร์เรลล์มีสถิติในปีนั้นด้วยการลงเล่น 80 เกม เฉลี่ย 13.7 นาทีต่อเกม แอสซิสต์ 5.2 แต้ม และ  2.5 รีบาวน์ พร้อมด้วยสถิติยิง 3 แต้มด้วยโอกาสลงเฉลี่ย 42.4% 

หลังปี 1998 เบอร์เรลล์ย้ายไปเล่นให้กับอีกหลายทีม ก่อนที่จะรีไทร์จากบาสเกตบอลในปี 2005 และเขาเริ่มเรียนโค้ชและกลายเป็นโค้ชทีม Southern Connecticut Owls ทีมบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย คอนเน็คติกคัท โดยในเดือนมิถุนายนปี 2022 ที่ผ่านมาเขาเพิ่งขึ้นรับรางวัลทรงคุณค่าอย่าง Dean of Sports Award อีกด้วย

 

จัด เบค์เลอร์

จัด เบค์เลอร์ อาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก เพราะเขาได้ลงเล่นน้อยมาก ๆ ในซีซั่น 1997-98 และมีสถิติทำแต้มเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 แต้มต่อเกมเท่านั้น โดยหลังออกจากบูลส์ในปี 1998 เขาเล่นให้กับหลาย ๆ ทีมใน NBA เป็นเวลารวม 12 ปี ก่อนจะเริ่มจับงานโค้ช และได้ตำแหน่งผู้ช่วยทีม แอลเอ เลเกอร์ส ระหว่างปี 2016-18 

หลังหมดสัญญากับเลเกอร์ส จัดได้เป็นรับงานเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีม นิวยอร์ก นิกส์ ในปี 2018 และยังคงอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวมาจนปัจจุบันนี้ 

บิล เวนนิงตัน

เซ็นเตอร์ตัวสำรองอย่าง บิล เวนนิงตัน นั้นก็เป็นอีกชื่อที่ไม่ได้มีบทบาทมากนักในการแข่งขัน แต่ก็อีกนั่นแหละที่ จอร์แดน เคยบอกว่า บิล ถือเป็นหนึ่งในยอดผู้เล่นที่ช่วยทีมได้อย่างมากในการซ้อม เพราะเป็นคนที่ทำหน้าที่จริงจัง และมีทัศนคติของผู้ชนะในตัว

เวนนิงตันเล่นในปี 1998 ด้วยฟอร์มที่ไม่ได้โดดเด่นมากมาย ก่อนที่เขาจะรีไทร์ในปี 2000 และหันมาทำงานด้านสื่อและการจัดรายการวิทยุ โดยปัจจุบันเจ้าตัวเป็นหนึ่งในนักพากย์ประจำการแข่งขันของบูลส์ด้วย 

แรนดี้ บราวน์

หนึ่งในสมาชิก "ตัวสำรองจองม้านั่ง" อย่าง บราวน์ นั้นถือว่าโดดเด่นกว่าหากเทียบกับตัวสำรองคนอื่น ๆ โดยในปี 1998 เขาลงเล่นฤดูกาลปกติไป 71 เกมโดยลงเล่นเกมละ 16.2 นาทีโดยเฉลี่ย มีสถิติทำแต้มเฉลี่ยที่ 4.1 และรีบาวด์อีก 1.3 ครั้งต่อเกม 

พอยต์การ์ดรายนี้ออกจากบูลส์ในปี 2000 ก่อนจะรีไทร์ในปี 2003 โดยมี ฟีนิกซ์ ซันส์ เป็นต้นสังกัดสุดท้าย และเริ่มจบงานโค้ชอย่างจริงจังในปี 2015 ในฐานะผู้ช่วยโค้ของชิคาโก้ บูลส์จนถึงปัจจุบัน 

นอกจากจะเป็นผู้ช่วยโค้ชแล้ว บราวน์ยังตั้งใจจะกลับไปเรียนให้จบปริญญาตรี เพราะหากเขาเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย เขาจะสามารถเป็นเฮดโค้ชทีมบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งยอดโค้ชหลายคนมีจุดเริ่มต้นจากจุดนี้ 

ดิคกี้ ซิมพ์กิ้นส์

ซิมพ์กิ้นส์ ได้เล่นเพียง 21 เกมเท่านั้นในซีซั่น 1998 โดยได้ลงเล่นเกมละ 11.3 นาทีโดยเฉลี่ย ทำได้ 3.7 แต้มและ 1.5 รีบาด์ต่อเกม 

ตัวของ ซิมพ์กิ้นส์ นั้นถูกปล่อยออกจากทีมบูลส์ในปี 2000 ก่อนจะไปเล่นอาชีพที่กรีซ ได้ 1 ซีซั่น และกลับมาปิดฉากอาชีพใน NBA กับ แอตแลนต้า ฮอว์กส ในปี 2002 โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นแค่ 1 เกมเท่านั้น เส้นทางอาชีพหลังจากนั้นคือการไปเล่นตามลีกต่าง ๆ ทั่วโลกทั้ง เปอร์โตริโก, รัสเซีย, ลิธัวเนีย, สเปน, เยอรมัน และแม้กระทั่ง ฟิลิปปินส์ 

ปัจจุบัน ซิมพ์กิ้นส์ทำงานเป็นนักวิเคราะห์เกมบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัยของช่อง ESPN นอกจากนี้ยังรับตำแหน่งแมวมองให้กับทีม วอชิงตัน วิซาร์ดส อีกด้วย 

ผู้แต่ง
NBA.com Photo

NBA.com